วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประวัติรัชกาลที่10


พระราชประวัติรัชกาลที่10 แห่งวงศ์จักรี
พระราชประวัติ รัชกาลที่10 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช
วันรุ่งขึ้น วันที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๕ จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี เมื่อถึงพระฤกษ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจรดพระกรรไกรไทยขลิบพระเกศา และทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์จากเต้าพระราชทาน
เมื่อทรงเจริญพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ ๑ เมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ เมื่อพระชนมายุ ๔ พรรษา ณ โรงเรียนจิตรลดาชั้นอนุบาล ที่ตั้งอยู่ ณ พระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเลือกศึกษาในสาขาวิชาอักษรศาสตร์ ทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๙ เมื่อนิวัตประเทศไทย ทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ ๔๖ พุทธศักราช
ในบทพระราชนิพนธ์ “น้องน้อยของพี่ชาย” ซึ่งเป็นบทความที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระราชนิพนธ์ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมพรรษา ๓ รอบ
พระราชกรณียกิจรัชกาลที่10
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ เริ่มตั้งแต่การตามเสด็จพระราชดำเนินไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อทอดพระเนตรความเป็นอยู่ และความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎร ทรงเรียนรู้แนวทางการพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรซึ่งประสบปัญหาแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาแหล่งน้ำ และการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรผู้ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร ทำให้ทรงเข้าพระราชหฤทัยถึงความทุกข์ยากของราษฎรทุกหมู่เหล่า

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่เกี่ยวกับการส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทย โดยทรงรับโรงเรียนหลายแห่งไว้ในพระราชูปถัมภ์ เนื่องจากทรงตระหนักดีว่า การศึกษาจะสามารถพัฒนาเยาวชนซึ่งเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต จึงพระราชทานพระราดำริด้านการส่งเสริมการศึกษา ได้แก่
"โครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน

ในยามที่ราษฎรประสบความเดือดร้อนเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นเมื่อครั้งเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และยังได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบภัย สร้างความปลื้มปิติแก่ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

พระราชภาระสำคัญประการหนึ่งที่ทรงปฎิบัติต่อเนื่องคือ การเสด็จแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีปนั้น นอกจากจะเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศต่างๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแล้ว ยังได้ทอดพระเนตรกิจการอันเป็นประโยชน์ต่างๆ อันจะนำมาใช้ ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านการทหาร

สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในประเทศนั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสำคัญหลายโอกาส อาทิ การเปลี่ยนเครื่องทรง "พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร" หรือ "พระแก้วมรกต" ตามฤดูกาล, การบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา, การตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล และพระราชทานธงชัยเฉลิมพล, การพระราชทานปริญญาบัตรในสถาบันการศึกษาต่างๆ, การพระราชทานพระราชวโรกาสให้เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายราชสาส์น และอักษรสาส์นตราตั้ง ทั้งยังพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายทหาร และนายตำรวจชั้นนายพล เฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายสัตย์ปฎิญาณ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

การทุ่มเทพระวรกายปฎิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่โดยมิทรงว่างเว้นของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สะท้อนถึงพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการขจัดทุกข์บำรุงแก่พสกนิกร เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งยังประโยชน์สุขแก่ราษฎรทุกหมู่เหล่าสืบมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น